R.W. Smith และ Albert Eadie เช่าซื้อกิจการของบริษัททาวน์เซนด์ ไซเคิล (Townsend Cycle Company) ในเมืองเรดดิทช์ ประเทศสหราชอาณาจักร ไม่นานหลังจากนั้น จึงได้เริ่มผลิตชิ้นส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับโรงงานอาวุธขนาดเล็กของรอยัล เอนด์ฟิลด์ (Royal Enfield Small Arms Factory) ในเมืองเอนด์ฟิลด์ ที่อยู่ตอนกลาง ณ ประเทศอังกฤษ และได้เปลี่ยนชื่อกิจการเป็น Enfield Manufacturing Company Limited ในภายหลัง
บริษัท Enfield Manufacturing ได้ เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท Royal Enfield โดยคำว่า Royal ที่เพิ่มมานั้น มาจาก Royal Enfield Small Arms Factory บริษัทผลิตอาวุธขนาดเล็ก ภายใต้ปรัชญาทางการค้าหรือสโลแกนอย่าง “Made Like a Gun” นั่นเอง
R.W. Smith ออกแบบ Quadricycle ยานพาหนะสี่ล้อติดเครื่องยนต์รุ่นต้นแบบ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1.5 แรงม้าของ De Dion ในการขับเคลื่อน
Royal Enfield เริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในวงการมอเตอร์สปอร์ตครั้งแรก เมื่อหนึ่งในรถ Quadricycle เข้าร่วมการแข่งขันระยะ ทาง 1,000 ไมล์ เหตุการณ์นี้ได้มีบทบาทสำคัญต่อความคิดของสาธารณชนชนในราชอาณาจักร เกี่ยวกับการการขนส่งด้วยยานพาหนะที่ติดเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างมาก
มอเตอร์ไซค์คันแรกจากโรยัล เอ็นฟีลด์ ถูกผลิตขึ้น โดยได้รับการออกแบบจาก Bob Walker Smith และ Jules Gobiet ได้รับการเปิดตัวขึ้นที่ งาน Stanley Cycle ณ กรุงลอนดอน มีแรงม้า 1.5 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยสายพาน
รถมอเตอร์ไซค์สองจังหวะรุ่นแรกของ Royal Enfield เข้าสู่สายการผลิตอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก เมื่ออังกฤษเริ่มเข้ามามีบทบาทในสงครามโลกครั้งที่ 1 มากขึ้น ส่งผลให้ Royal Enfield หยุดการผลิตมอเตอร์ ไซค์รุ่นอื่น ๆ และมาเน้นการผลิตรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ โดยเป็นรถมอเตอร์ไซค์รุ่นที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้นด้วยขนาด 770 ซีซี เครื่องยนต์สองสูบรูปตัว V มีพละกำลังถึง 6 แรงม้า
ผลจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปี 1924 Royal Enfield เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์มากถึง 8 รุ่น รวมถึงการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ Sports Model 351 รถมอเตอร์ไซค์ขนาด 350 ซีซี 4 จังหวะ ที่เปลี่ยนเกียร์ด้วยเท้า ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ JAP ในปีเดียวกัน Ladies Model ที่ติดตั้ง เครื่องยนต์ขนาด 225 ซีซี 2 จังหวะนี้ ก็ถูกเปิดตัวด้วยเช่นกัน
Royal Enfield เปลี่ยนรูปทรงถังน้ำมันเป็นทรงอานแทนถังน้ำมันรูปทรงล้าสมัย ซึ่ง Royal Enfield เป็นผู้ผลิตรายแรก ๆ ที่เปลี่ยนระบบรองรับล้อหน้าจาก Druid Design มาเป็น Centre-Sprung Girder Forks ที่มีแกนบังคับเลี้ยวอยู่ตรงกลาง
เริ่มทศวรรษใหม่ด้วยการนำเสนอรถมอเตอร์ไซค์ถึง 11 รุ่นที่แตกต่างกัน ตั้งแต่รุ่น A เครื่องยนต์ 2 จังหวะขนาด 225 ซีซี ไปจนถึง รุ่น K เครื่องยนต์สองสูบรูปตัววี ขนาด 976 ซีซี รวมถึงเครื่องยนต์แบบวาล์วบนฝาสูบ (Overhead-Valve) และแบบวาล์วข้างลูกสูบ (Side-Valve) ขนาด 350 ซีซี และ 500 ซีซี พร้อมระบบการหล่อลื่นแบบอ่างน้ำมันเครื่อง (Dry-Sump Lubrication)
รถมอเตอร์ไซค์ในตำนานอย่างรุ่น Bullet ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1932 โดยจัดแสดงครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ที่งาน Earls Court Motorcycle Show ในกรุงลอนดอน โดยมีให้เลือกถึง 3 ขนาดได้แก่ 250 ซีซี, 350 ซีซี และ 500 ซีซี ทุกรุ่นติดตั้งเครื่องยนต์แบบสูบคู่ติดกันเอียงไปด้านหน้า (In line) เปลี่ยนเกียร์ด้วยเท้า และใช้เครื่องยนต์กำลังอัดสูง
Cecil Barrow ขี่รถ Bullet 500 ซีซี เข้าร่วมการแข่งขัน Isle of Man TT โดยเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 8 ในการแข่งขัน ด้วยความเร็วเฉลี่ย 74 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันสุดท้ายที่ผลิตจากโรงงานของ Royal Enfield ที่เข้าร่วมการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ และในปีต่อมา Bullet 500 ซีซีเวอร์ชั่นใหม่ที่มีความสปอร์ตมากขึ้น ได้สู่ตลาดด้วยรุ่น JF พร้อมกับ 4 สูบออกมา
Royal Enfield ผลิตรถมอเตอร์ไซค์และจักรยานจำนวนมากระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง โดยรถมอเตอร์ไซค์สำหรับการทหารที่เป็นที่จดจำมากที่สุด คือรุ่น “Airborne” ขนาด 125 ซีซี หรือที่รู้จักกันใน ชื่อ Flying Flea โดยเป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาด 125 ซีซี สองสูบที่ถูกขนส่งโดยเครื่องบินและปล่อยลงสู่ภาคพื้นดินด้วยร่มชูชีพที่ติดกับโครงเหล็ก เพื่อส่งรถไปหลังแนวรบข้าศึก
รถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบรุ่น Bullet ขนาด 350 ซีซี มาพร้อมระบบกันสะเทือนช่วงล่างด้านหลังแบบ Radical Swinging เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่งาน Colmore Cup Trial ในเดือน มีนาคมปี 1948 โดยรุ่น Bullet ทั้งสองได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชัยชนะของทีมสหราชอาณาจักรในปี 1948 จากการแข่งขัน ISDT (International Six Day Trial) ที่จัดขึ้นในอิตาลี โดยนักขับขี่ทั้งสองสามารถคว้ารางวัลเหรียญทองมาได้จนสำเร็จ
รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Bullet ขนาด 350 ซีซีใหม่ และสูบคู่ขนาด 500 ซีซี ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักร โดยรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นใช้เฟรมช่วงล่างระบบกันสะเทือนด้านหน้า และ ชุดเกียร์แบบเดียวกัน ในปีนั้นเอง K.R. Sundaram Iyer ได้เปิดบริษัท Madras Motors 1 เพื่อนำเข้ารถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษสู่ประเทศอินเดีย นอกเหนือจากการขายชิ้นส่วนเครื่องจักรของ Norton และ Matchless แล้ว เขายังจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ Royal Enfield อีกด้วย
Madras Motors มียอดสั่งซื้อรถมอเตอร์ไซค์ Bullet ขนาด 350 ซีซี จากกองทัพอินเดียจำนวน 800 คัน โดยรถมอเตอร์ไซค์ได้ถูกส่งมาจากเมือง Redditch ในช่วงต้นปี 1953 และนับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ด้วยความเป็นรถที่แข็งแกร่งและง่ายต่อการบำรุงรักษา ในปีเดียวกัน Jonhnny Brittain ชนะรางวัลอันทรงเกียรติจากการแข่งขันการขับขี่ 6 วันในรายการ Scottish Six Days Trial ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ Bullet ขนาด 350 ซีซี รุ่น HNP 331
บริษัท Redditch ร่วมมือเป็นหุ้นส่วน กับบริษัท Madras Motors ในอินเดีย และร่วมก่อตั้ง Enfield India โดยเริ่มดำเนินธุรกิจ ด้วยการก่อสร้างโรงงานที่เมือง Tiruvottiyur ใกล้กับเมือง Madras
โรงงานที่เมือง Tiruvottiyur เปิดดำเนินการ และเริ่มต้นผลิตรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Bullet ภายใต้การผลิตที่มีใบอนุญาตถูกต้อง โดยในการผลิตช่วงแรก โรงงานใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศอังกฤษ ก่อนจะนำชิ้นส่วนมาประกอบต่อในเมือง Madras ภายหลัง โดยได้ผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่น Bullet จำนวนทั้งหมด 163 คันในปีนั้น
Johnny Brittain ชนะการแข่งขันรายการ Scottish Six Days Trial เป็นครั้งที่สอง และถึงเส้นชัยเป็นอันดับแรกในการแข่งขัน British Trials Championship ในปีเดียวกัน รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Crusader ขนาด 250 ซีซี เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ 13 แรงม้า โดยรถคันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์แบบ unit construction engine ที่มีระบบไฟชาร์จ และคลอยล์จุดระเบิดอยู่ในตัวเดียวกัน
Continental GT รถมอเตอร์ไซค์สไตล์คาเฟ่ เรเซอร์ ที่เป็นต้นแบบแห่งวงการ เปิดตัวเป็นครั้งแรกและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากทีมผู้สื่อข่าวที่ได้ทำการขับขี่จาก John ‘o Groats ไปยัง Lands End (การขับขี่รอบเกาะอังกฤษ) ภายในเวลา 24 ชั่วโมง โดยรวมถึงการแวะขี่ 7 รอบในสนาม Silverstone ทั้งนี้ รถมอเตอร์ไซค์ Continental GT ติดตั้งถังน้ำมันแบบเรซซิ่ง แฮนเดิ้ลบาร์แบบคลิปออน เบาะขับขี่แบบเยื้องไปด้านหลัง ท้ายตูดมด มาตรวัดวงกลม และท่อไอเสียแบบปลายยกขึ้น
ปีนี้ Royal Enfield ลดสายการผลิตรถมอเตอร์ไซค์เหลือเพียง 2 รุ่นตั้งแต่ต้นปี เหลือเพียงรุ่น Continental GT ขนาด 250 ซีซี และรุ่น Interceptor ขนาด 736 ซีซี ในปีนี้ โรงงานของ Royal Enfield ในเมือง Redditch ได้ปิดตัวลง โดยย้ายการผลิตรุ่น Interceptor มาที่โรงงานชั้นใต้ดินของ Enfield ในเมือง Bradford แคว้น Avon แทน
Royal Enfield ประเทศอินเดีย เริ่มต้นส่งออกรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Bullet ขนาด 350 ซีซี ไปยังสหราชอาณาจักรและยุโรป โดยมียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว จากการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ที่ตอบสนองต่อผู้ที่หลงไหลรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสัญชาติอังกฤษได้อย่างแท้จริง
เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Bullet ใหม่ ขนาด 500 ซีซี โดยตั้งเป้าเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ มีจำหน่ายในรุ่นย่อยแบบ Classic, Deluxe และ Superstar พร้อมตัวเลือกรุ่นขนาด 350 ซีซี
Enfield ประเทศอินเดีย ผลิตรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ดีเซล โดยการผลิตเป็นจำนวนมาก (Mass-Manufactured) เป็นครั้งแรกในโลก ซึ่งใช้ชื่อ Enfield Diesel ใช้ เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันสูง ขนาด 325 ซีซี ติดตั้งบนโครงรถ Bullet ตัวมาตรฐาน
บริษัท Eicher Group ซื้อกิจการ Enfield India Limited และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Royal Enfield Motors Limited
รถมอเตอร์ไซค์ของ Royal Enfield จำนวน 40 คัน ขับขี่บนเส้นทาง Khardung La Pass ถนนที่สูงที่สุดในโลก สร้างตำนานการขับขี่บทใหม่บนหนึ่งในเส้นทางการขับขี่ที่ยากที่สุดในโลก
Daredevils ทีมจัดแสดงมอเตอร์ไซค์ของหน่วยการสื่อสารกองทัพอินเดีย ในเมือง Jabapur ใช้คนจำนวน 201 คนต่อตัวแบบพีรามิดบนรถมอเตอร์ไซค์ขนาด 350 ซีซี ของ Enfield และขับขี่ไปในระยะทางกว่า 200 เมตร
ธันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ครู ซเซอร์ขนาดเล็ก เปิดตัวเป็นครั้งแรกในอินเดีย ติดตั้ง เกียร์ 5 สปีด ที่เคยใช้กับรถมอเตอร์ไซค์รอยัล เอน ฟิลด์ที่ผลิตที่เมือง Redditch ในปีเดียวกัน รถมอเตอร์ ไซค์รอยัลเอนฟิลด์กว่า 1000 คันจากทุกช่วงเวลามา รวมตัวกันที่เมือง Redditch ในงาน Royal Enfield Owner’s Club Redditch Revisited event เพื่อ เยี่ยมเยือนจุดเริ่มต้นของตำนานรอยัล เอนฟิลด์
การผลิต Bullet เวอร์ชั่นพิเศษ The Electra X เพื่อการส่งออกรถขนาด 500 ซีซี ติดตั้งเครื่องยนต์ที่ทำจากอัลลอยด์ล้วน วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปีเดียวกับรถ Royal Enfield รุ่น Bullet Machismo ได้รับการจัดอันดับเป็นรถครูซเซอร์อันดับ 1 จากการ สำรวจจาก TNS Autocar
Royal Enfield เฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปีในประเทศอินเดีย
Royal Enfield เริ่มต้นส่งออกรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Classic โดยเป็นรถมอเตอร์ไซค์อินเดียรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์ EFI (หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์) ขนาด 500 ซีซี ที่ผ่านมาตราฐานการปล่อยค่าไอเสียยูโร 3 (Euro III) สำหรับส่งออกไปยังตลาดประเทศยุโรป ในปีเดียวกัน ยังเปิดตัว Thunderbird Twinspark ซึ่งใช้เครื่องยนต์แบบ Unit Construction Engine (UCE) เป็นครั้งแรกในอินเดีย
เครื่องยนต์ UCE ขนาด 500 ซีซี เปิดตัวครั้งแรกในอินเดีย ในปีนี้ รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Classic ที่ตกแต่งในแบบย้อนยุค ประสบความสำเร็จในทันทีที่เข้าสู่ตลาด และมียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
บริษัทฯ ได้เปิดตัวงานขับขี่ประจำปี “One Ride” เป็นครั้งแรก โดยเป็นงานประจำปีที่เหล่าผู้ขับขี่ Royal Enfield ทั่วโลกจะได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปด้วยกันในวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ในปีเดียวกันนั้นเอง Royal Enfield ซื้อที่ขนาด 50 เอเคอร์ ในเมือง Oragadam ใกล้กับเมือง Chennai เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ โดยโรงงานแห่งนี้ยังได้ริเริ่มจัดทริปการขับขี่ข้ามชายแดนในชื่อว่า Tour of Nepal
Royal Enfield เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ครูซเซอร์สำหรับการเดินทางไกลรุ่นแรก Thunderbird 500 ที่เป็นสีดำล้วน ในปีนี้ โรงงานใหม่ในเมือง Oragadam ยังคงดำเนินการผลิตต่อไป ขณะเดียวกัน โรงงานที่ Tiruvottiyur ได้สร้างสถิติการผลิตครั้งใหม่
Royal Enfield เริ่มการผลิตในโรงงานแห่งที่สองที่เมือง Oragadam รัฐ Tamail Nadu ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โรงงานอันทันสมัยนี้จะเป็นกำลังสำคัญของบริษัท เพื่อก้าวสู่เป้าหมายระดับโลกในอนาคต
48 ปีหลังการพัฒนาการผลิตรถมอแตอร์ไซค์สไตล์คาเฟ่ เรเซอร์ครั้งแรก Royal Enfield เปิดตัว Continental GT รุ่นใหม่ โดยเหล่าร็อคเกอร์ นักวิจารณ์ และผู้ขับขี่ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มอบความสนุกสนานในการขับขี่มากที่สุดเท่าที่รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจะให้ได้”
Royal Enfield นำเสนอประสบการณ์การค้าปลีกใหม่ ๆ ด้วยการเปิดร้านขายอุปกรณ์การขับขี่และเครื่องแต่งกายสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ร้านแรก ที่ตลาดข่าน (Khan Market) ในกรุงนิวเดลี
Royal Enfield เข้าถือสิทธิ์กับเพื่อนร่วมงานเก่า อย่างสำนักแต่ง Harris Performance แห่ง สหราชอาณาจักร ด้วยการนำเอาวิศวกรรมมอเตอร์ไซค์ และทักษะการออกแบบมาพัฒนา จากสำนักแต่งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพของ Royal Enfield
Royal Enfield ตั้งศูนย์จำหน่ายสาขาแรกนอกประเทศอินเดียที่สหรัฐอเมริกา โดยสำนักงานใหญ่ของ Royal Enfield ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมือง Milwaukee รัฐ Wisconsin
Royal Enfield เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่น Himalayan เป็นครั้งแรก ด้วยเครื่องยนต์ LS410 แบบใหม่ พร้อมระบบช่วงล่างที่พร้อมสำหรับทุกพื้นผิว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่พร้อมทุกสถานการณ์ไม่ว่าบนถนนหรือทางไร้ถนน
Royal Enfield ย้ายศูนย์เทคโนโลยีแบบครบวงจรมาที่ Bruntingthorpe Proving Ground เมือง Leicester ประเทศอังกฤษ
Royal Enfield เริ่มต้นการผลิตจากโรงงานแห่งที่สามในเมือง Vallam ใกล้กับเมือง Chennai
Royal Enfield ได้เผยโฉม “Twins” เครื่องยนต์สูบคู่ในงานมหกรรมยานยนต์ EICMA ที่กรุงมิลาน และในงาน Rider Mania Goa ประเทศอินเดีย
Royal Enfield Classic 500 Pegasus เป็นการแสดงความเคารพต่อ Royal Enfield Flying Flea ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เปิดตัวที่พิพิธภัณฑ์สงครามจักรวรรดิ Duxford สหราชอาณาจักร จำกัด เฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มีหมายเลขเฉพาะ 1,000 คันทั่วโลกการจัดสรรตลาดในอินเดีย 250 เครื่องขายได้ภายใน 3 นาที
Cayla Riva นักแข่งรถวัย 18 ปีจากแคลิฟอร์เนียสร้างสถิติความเร็วบนบกใหม่ที่ 157.053 ไมล์ต่อชั่วโมงในช่วง Speed Week ที่ Bonneville Salts Flats จักรยานของเธอรุ่น Continental GT 650 twin ได้รับการจัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ Bonneville ด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์ S&S Cycle และเฟรม Harris Performance
ด้วยรูปแบบการออกแบบที่นำมาจากฝาแฝด 1140cc KX V ในช่วงปลายปี 1930 KX Concept V-twin 838cc แสดงให้เห็นถึงความสามารถของทีมออกแบบที่ศูนย์เทคโนโลยีแห่งสหราชอาณาจักร โดดเด่นด้วยส้อมคานพร้อมไฟหน้าในตัวและด้านหลังแบบซอฟต์เทลด้านเดียวเป็นดาวเด่นของการแสดงเมื่อเปิดตัวที่ EICMA
นักขี่ทั้งหมด 11 คนรวมซึ่งไปถึงทหารจากกองทัพบกอินเดย ได้สร้างปรากฎการณ์สำคัญในการเดินทางไปยังเส้นทาง ""คาราโคแรม"" บนเทือกเขาหิมาลัย แม้จะต้องฝ่าหิมะหนัก และอุณหภูมิที่ติดลบถึง 30 องศา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มอเตอร์ไซค์ได้มาเยือนเส้นทางแห่งนี้ Royal Enfield Bulltet Trial Works Replica 500 ได้เปิดตัวขึ้นในปีนี้ เพื่อรำลึกถึง จอห์นนี่ บริทเทน ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจ้าวแห่งการไต่เขา ในช่วงยุคปี 1950
Interceptor 650 ได้รับรางวัลต่างๆมากมาย อาทิ รางวัล Indian Motorcycle of the Year รางวัล Bike of the Year จากการประกาศผลของTimes Auto Award รางวัล Motorcycle of the Year โดย Autocar รางวัล Two Wheeler of the Year โดย Bike India รางวัล Best Modern Classic Middleweight ในประเทศไทย รางวัล Best Retro Bike of the Year by MCN ในประเทศศอังกฤษ
สายการผลิตของเครื่องยนต์ UCE ขนาด 500 cc. ได้สิ้นสุดลง และ Classic 500 Tribute Black คือรุ่นอำลาส่งท้ายของสายการผลิตนี้ โรงงานการประกอบนอกประเทศได้ก่อสร้างขึ้นที่เมือง บัวโนส ไอเรส ประเทศอาเจนตินา โดยมีประธานาธิบดีให้เกียรติเข้าร่วมพิธี
เปิดตัว Make-It-Yours (MIY) โปรแกรมตกแต่งมอเตอร์ไซค์รูปแบบใหม่ ที่ลูกค้าสามารถเลือกปรับ ตกแต่งได้ตามใจต้องการ เมื่อทำการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ผ่าน Application เวปไซต์ หรือที่ตัวแทนจำหน่าย เปิดตัว Meteor 350 ครูซเซอร์ที่มาพร้อมแชสซีและเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด มาพร้อมระบบนำทาง Tripper
Royal Enfield ฉลองครบรอบ 120 ปี ของจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ที่แท้จริง